062-295−6588 contact-th@studist.co.th

ถ้าพูดถึงคลังเก็บข้อมูลดิจิตอล คนส่วนใหญ่อาจนึกถึง Hard Disk ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์หรือพวก Hard Disk ชนิดพกพาได้ อย่างเช่น Flash Drive หรือ External Hard Disk เป็นต้น ที่ถึงแม้จะช่วยให้สะดวกมากขึ้นแต่ก็ยังมีจุดด้อยอยู่ เช่น ในกรณีที่ลืมพกติดตัวมาด้วย ก็ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ ทำให้เกิดปัญหาตามมา

ปัจจุบันมีการสร้างคลังเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่เรียกว่า “Cloud Storage” หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้วแต่หลายคนอาจยังสงสัยและไม่ค่อยเข้าใจว่า “Cloud Storage” คืออะไร ทำงานอย่างไร ข้อมูลเราจะไปเก็บไว้บนไหน มีข้อดีกว่าการเก็บข้อมูลใน Hard Disk ที่ใช้อยู่อย่างไรบ้าง ? วันนี้ Teachme Biz ไปหาคำตอบมาไว้ให้แล้วค่ะ

Cloud Storage คือการเก็บข้อมูลบน Server ขนาดใหญ่ในโลกออนไลน์ที่เราเรียกว่า Cloud ซึ่งสามารถเชื่อมต่อได้ด้วยอินเตอร์เน็ต ทำให้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเรียกดูและใช้งานข้อมูลที่อัพโหลดเข้าไปใน Cloud ได้ทุกเมื่อ ซึ่งผู้ให้บริการจะเป็นผู้ดูแล จัดการ และบำรุงรักษาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล ผู้ใช้บริการจึงจะสามารถลดต้นทุนด้านการจัดเก็บและบำรุงรักษาข้อมูลในส่วนนี้ได้มาก ยกตัวอย่าง Cloud ที่รู้จักกันในปัจจุบัน อย่างเช่น iCloud, Google Drive, Dropbox, 4shared ฯลฯ เป็นต้น

แต่ในการทำงานของระบบ “Cloud Storage” นี้ ก็ยังมีข้อดีและข้อเสียในบางจุด ที่เราต้องพิจารณาในการใช้งาน มาดูกันค่ะ ว่ามีข้อไหนที่เป็นข้อดีและข้อเสียบ้าง

ข้อดีของ Cloud Storage

1. สามารถเข้าถึงไฟล์ต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่เราต้องการเพราะเป็นการอัพโหลดไฟล์ต่างๆ ไว้บนออนไลน์
2. ไม่ต้องกังวลว่า Flash Drive หรือ External Hard Disk จะหายหรือเสียอีกต่อไป เพราะเมื่อเก็บข้อมูลไว้บนออนไลน์ก็สามารถเรียกดูเมื่อไหร่ด้วยอุปกรณ์ใดก็ได้
3. สามารถเพิ่มขนาดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้เรื่อยๆ
4. สามารถตั้งค่าความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลได้ กำหนดได้ตามต้องการว่าจะแชร์หรือเปิดการเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ ให้ใครบ้าง จึงสามารถรักษาความปลอดภัยได้ดีกว่าเดิม
5. ปลอดภัยต่อไวรัสมากกว่าการใช้งานในรูปแบบอื่นๆ
6. มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเพิ่มขนาดการจัดเก็บข้อมูลได้เรื่อยๆ ตามความต้องการโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่

ข้อเสียของ Cloud Storage

1. จำเป็นต้องใช้งานผ่านการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเท่านั้น ถ้าไม่มีอินเตอร์เน็ตในบริเวณนั้น ก็ไม่สามารถใช้งานข้อมูลใน Cloud ได้
2. มีค่าใช้จ่ายจากการจัดเก็บ

ทำไมหลายองค์กรถึงเลือกใช้ระบบ cloud storage ?

เพราะระบบ Cloud Storage คือการจัดเก็บข้อมูลบน Cloud ผ่านทางออนไลน์ ซึ่งเป็นการให้บริการโดยผู้ให้บริการของระบบ Cloud Storage ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการรักษาข้อมูลทั้งหมดของผู้ใช้บริการ และดูแลเรื่องการจัดเก็บข้อมูล รวมถึงระบบการประมวลผลเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านทางโปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นได้ นอกจากนี้ยังดูแลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นที่จัดเก็บข้อมูลของบริษัทได้ ทำให้ระบบ Cloud Storage เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกเรื่องการจัดเก็บข้อมูลให้กับองค์กรทุกขนาดทั้งเล็กและใหญ่ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่ต้องพิจารณาเลือกใช้ผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ มีการบริการระบบที่ตอบโจทย์ความต้องการ และมีความยืดหยุ่นในหลายเรื่องเพียงพอสำหรับรองรับความต้องการการใช้งานเก็บข้อมูลขององค์กรในอนาคต

คำแนะนำในการเลือกผู้ให้บริการ Cloud
1. ระบบความปลอดภัย
เรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเรื่องใหญ่ของการบริหารองค์กร จึงต้องตรวจสอบรายละเอียดเรื่องนโยบายการดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของให้ละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลได้ อาจจะเลือกจากผู้ให้บริการที่ได้รับมาตรฐาน ISO ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล รวมถึงการที่ผู้ใช้บริการจะต้องสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยตัวเอง และผู้ให้บริการ Cloud Storage ควรจะต้องมีการเข้ารหัสในการเข้าถึงข้อมูล เช่นการใช้ http ในการให้บริการเว็บไซต์ เป็นต้น
2. พื้นที่ใช้งาน
ควรตรวจสอบว่าบริการที่จะเลือกใช้นั้นมีพื้นที่ให้ใช้งานเพียงพอกับความต้องการหรือไม่ คุ้มค่ากับค่าบริการที่ต้องเสียหรือไม่
3. ฟังก์ชันการใช้งาน
ปัจจุบันมีบริการให้เลือกใช้มากมาย ผู้ใช้บริการควรเลือกใช้บริการที่มีฟังก์ชันที่สามารถตอบโจทย์ตามความต้องการของตนเองได้ เช่น สามารถสร้างเอกสารต่างๆ บน Cloud Storage ได้เลยหรือไม่ หรือสามารถแชร์ไฟล์บน Storage ไปยังแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้หรือไม่
4. รองรับหลายอุปกรณ์
ปัจจุบันนอกจากคอมพิวเตอร์แล้วยังมีสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ไม่ต่างหรือเทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์ จึงควรตรวจสอบว่าผู้ให้บริการ Cloud Storage ที่จะเลือกใช้นั้นสามารถรองรับการใช้งานในทุกอุปกรณ์ที่ต้องการหรือไม่

Teachme Biz ของเราเกี่ยวข้องกับ Cloud Storage อย่างไร?

Teachme Biz ใช้ Cloud Storage ของผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองเป็นวงกว้าง เพื่อรองรับการสร้างคู่มือการทำงานของผู้ใช้บริการ ทำให้ทางผู้ใช้บริการไม่ต้องพกพา Hard Disk ในรูปแบบต่างๆ เพียงแค่คุณทำคู่มือการทำงานที่คุณต้องการผ่านทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น Teachme Biz แล้วอัพโหลดคู่มือการทำงานเหล่านั้นลงในระบบของเรา และเมื่อคุณต้องการอ่านคู่มือการทำงานนั้นๆ ก็แค่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต (หรือจะดาวน์โหลดคู่มือการทำงานมาเก็บยังสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์เพื่อดูแบบออฟไลน์ก็ได้) หรือจะแก้ไขคู่มือการทำงานใหม่ ณ ตอนนั้นเลยก็ยังสามารถทำได้เช่นกัน ส่วนในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลของผู้ใช้บริการ ทางเราก็ไม่นิ่งนอนใจ และได้มีนโยบายดังนี้

ความปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลของผู้ใช้บริการที่ Teachme Biz มอบให้

  • Teachme Biz ใช้บริการ Cloud Storage ของ Amazon Web Service ที่เป็นบริการที่มีผู้ใช้งานทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่นมากมาย ได้รับการรองรับมาตรฐานจากหลายสถาบัน
  • ได้รับ “ISO 27001” ของระบบการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล (ISMS) และ ISMS Cloud Security ISO27017 และปฏิบัติตามระบบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
  • Server ถูกตรวจสอบตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เมื่อตรวจสอบเจอสิ่งผิดปกติ จะทำหน้าที่แจ้งไปยังผู้ดูแล
  • Backup ข้อมูลทุกวัน สามารถกู้คืนข้อมูลที่หายไปได้ในกรณีที่เกิดปัญหา
  • Server จะถูกตรวจสอบตลอด 365 วัน 24 ชั่วโมง และเมื่อตรวจพบข้อผิดพลาด เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจะได้รับแจ้งทันที
  • ผู้ใช้บริการสามารถตั้งรหัสผ่านผู้ใช้งานได้ และยังตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลด้วย IP Address เพื่อลดความเสี่ยงของการรั่วไหลข้อมูล

อ่านต่อ >> นโยบายความปลอดภัยของ Teachme Biz

สรุป

ระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบ Cloud Storage นั้นคือการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ในฐานข้อมูล Server ออนไลน์ ที่เราจะเรียกใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เราต้องการ สามารถนำไปใช้งานองค์กรใหญ่ไปจนถึงองค์กรเล็กได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความเสี่ยงเรื่องการเสียหายหรือสูญหายของข้อมูลที่เก็บอยู่ใน Physical Storage (จำพวก Flash Drive, Hard Disk หรือ External Hard Disk) สามารถทำงานได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ช่วยให้องค์กรของคุณเดินหน้าพัฒนาคุณภาพงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

Create SOP manual effectively

Teachme Biz - Visual SOP Management Platform คือระบบจัดการคู่มือออนไลน์ที่จะเปลี่ยนการจัดการของทั้งคู่มือการทำงาน, Work Instruction, Workflow, หรือ SOP ที่แสนยุ่งยากให้ง่ายด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว เข้าใจง่ายด้วยภาพและวิดีโอแบบ step-by-step เก็บคู่มือการทำงานของทั้งองค์กรไว้บนออนไลน์ ง่ายแต่ปลอดภัยในการเข้าถึง เป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างมาตรฐาน และเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรคุณ

ท่านใดต้องการสร้างคู่มือที่ใช้งานได้จริง หรือต้องการสร้างมาตรฐาน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น ติดต่อปรึกษาเราได้ที่ LINE OA: @studist.th !  

Pin It on Pinterest

Share This
Optimized with PageSpeed Ninja